TOYOTA VIGO

ALL ABOUT : TOYOTA VIGO

          โตโยต้า ไอลักซ์ (TOYOTA HILUX)  หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากในปัจจุบันนี้ว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ (TOYOTA HILUX VIGO) เป็นรถกระบะที่ผลิตมาใช้งานในเชิงพาณิชย์และได้มีการพัฒนาโดยแบรนด์ TOYOTA (โตโยต้า) เพื่อมาแทนหรือพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำไปข้างหน้ากว่ารุ่นเก่าๆและเป็นรุ่นแรกของทาง TOYOTA นั่นคือ โตโยต้า สเตาท์ (Toyota Stout) ซึ่งผลิตขึ้นในครั้งแรงเมื่อ ค.ศ.1968 และมีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน แบ่งช่วงเวลาที่พัฒนาทั้งหมดตอนนี้มี 7 โฉม (7 Generation) โดยเริ่มจากโฉมล่าสุดก่อนเลย

                    

 Hilux Vigo

 

คลิบทดสอบความปลอดภัย วีโก้

 

โฉมที่7 (Generation7) ผลิตในปี2004-ปัจจุบัน                       

          ในโฉมที่7 นี้เองที่คนไทยทั้งประเทศรู้จักกันในนามว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ (Toyota Hilux Vigo) มีการออกแบบและพัฒนาโตโยต้า วีโก้ไปใช้ในการเป็นรถต้นแบบของรถ โคมัตสุ (komatsu) และ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (Toyota Fortuner) 

       ซึ่งในบ้านเรามีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 5 ตัวเลยทีเดียวแบ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ ดีเซล 4 ตัวและ เบนซิลอีก 1 ตัวมี

1.     รหัส 1KD-FTV 3000ซีซี เครื่องยนต์ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล VNTURBO INTERCOOLER

2.      เครื่องยนต์รหัส 2KD-FTV 2500ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล VNTURBO INTERCOOLER

3.      เครื่องยนต์รหัส 2KD-FTV 2500ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล TURBO INTERCOOLER

4.      เครื่องยนต์รหัส 2KD-FTV 2500ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล TURBO

5.      เครื่องยนต์2700ซีซี VVT-i ่เบนซิน

ปัจจุบันเจ้าไฮลักซ์ วีโก้ ในบ้านเราหรือประเทศไทย มีให้เลือกกันถึง 4 รุ่น

1.      รุ่นมาตรฐาน (รุ่นหนึ่งตอน)

2.      รุ่นเอ็กซ์ตร้าแค็บ (รุ่นตอนครึ่งมีเฉพาะเกรด J แค็บเปิดไม่ได้)

3.      รุ่นดับเบิ้ลแค็บ (รุ่นสองตอน 4 ประตู)

4.      รุ่นสมาร์ทแค็บ (รุ่นตอนครึ่ง 2 ประตูแค็บเปิดได้)

          ได้มีการปรับโฉมขึ้นเล็กน้อยในปีค.ศ2008 จากนั้นมีการปรับโฉมครั้งใหญ่พร้อมกับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทางโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ ส่วนโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ยังคงชื่อเดิมไว้ ในปี  ค.ศ.2011

          และทั้งสองรุ่นนี้ ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์อัจฉริยะไดมอนด์เทค ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่าเดิม แต่ความหรูหราเพิ่มขึ้น กับห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกต่อการใช้งาน

 

Hilux Tiger

 

โฉมที่ 6 (Generation6) ผลิตขึ้นปีค.ศ.1998-2004                 

          โตโยต้าโฉมนี้ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในปีค.ศ.1998 คือ โตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ (Toyota Hilux Tiger) กับเครื่องยนต์ 5L และมีการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้หัวฉีดแบบอิเลก็ทรอนิกเข้ามาในปีค.ศ2000 แล้วจึงเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นเครื่องยนต์ในรหัส 1KZ ในปีค.ศ.2001 ช่วงระยะหนึ่งจึงเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์แบบ ดีโฟว์ดี (D4D) ในปลายๆปี เดียวกันในรหัสเครื่องยนต์ 1KD-FTV 3.0 ลิตร และ 2KD-FTV 2.5 ลิตร

 

Hilux Mighty-X

 

โฉมที่5 (Generation5) ผลิตในปีค.ศ.1989-1998                     

           และในโฉมที่ 5 นี้เองที่ไฮลักซ์ได้มีรุ่นบอร์ดี้แบบ 2 แถว 4 ประตู (ดับเบิ้ลแค็ป) และพัฒนาระบบเกียร์อัติโนมัติจาก 3 สปีดเป็น 4 สปีดอีกด้วย ทำให้รถไฮลักซ์นี้ได้รางวัล Truck of the Year (รถกระบะบรรทุกแห่งปี) เมื่อปีค.ศ 1989

          ต้องขอบอกเลยว่าไฮลักซ์โฉมนี้มีความสำเร็จดีมาก และโฉมนี้ได้อยู่ให้เราได้เห็นกันถึง 9 ปีเลยทีเดียว จึงทำให้บริษัท โฟล์กสวาเก้น (Voikswagen) ร่วมเซ็นสัญญาที่จะดูแลและนำรถรุ่นไฮลักซ์ (เฉพาะโฉมนี้) สู่ตลาดรถในเยอรมนี ด้วยชื่อว่า โฟล์กสวาเก้น ทาโร่ (Volkswagen Taro) เมื่อปีค.ศ 1989-1997

          ปีค.ศ.1995 บริษัทโตโยต้าได้ผลิตและส่งรถกระบะรุ่น โตโยต้า ทาโคม่า (Toyota Tacoma) เข้าตลาดอเมริกาอีกครั้งเพื่อแทนรุ่นไฮลักซ์ ที่ทางอเมริกาได้หยุดสั่งนำเข้าตั้งแต่ค.ศ.1986

          แต่ในประเทศไทย มีความโด่งดังในรุ่นโฉมที่มีชื่อว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ ฮีโร่ (Toyota Hilux Hero) ปีค.ศ.1990 กับตัวรุ่น โตโยต้า ไฮลักซ์ ไมตี้เอ็กซ์ (Toyota Hilux Mighty-x)

 

Hilux โฉมที่4

 

โฉมที่4 (Generation4) ผลิตปีค.ศ.1984-1988                   

          ในรุ่นนี้เป็นการผลิตรถกระบะที่เป็นรุ่นที่นั่ง 2 แถวแบบ 2 ประตู (เอ็กซ์ตร้าแค็ป) วางจำหน่ายพร้อมกับตัว 2 ประตูแบบเก่า (ซิงเกิ้ลแค็ป) โดยมี เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในปีค. ศ 1986 และในสหรัฐอเมริกาได้สั่งหยุดการนำเข้าของรถ โตโยต้า ไฮลักซ์ อย่างไม่ทราบสาเหตุในตอนนั้น

 

Hilux ม้ากระโดด

 

โฉมที่3 (Generation3) ผลิตเมื่อค.ศ. 1979-1983             

          และในโฉมนี้ไฮลักซ์ได้มีการพัฒนาเอาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามาบุกเบิกตลาดกันเลยทีเดียวเท่านั้นไม่พอได้นำระบบเกียร์อัติโนมัติมาใช้อีกด้วยแต่ในตอนนั้นจะเป็นแบบ 3 เกียร์หรือ 3 สปีดเท่านั้น นำมาวางขายพร้อมกับตัวเกียร์ธรรมดาแบบ 4 สปีดและ 5 สปีด จึงทำให้เจ้าไฮลักซ์ได้เข้าสู่สังเวียนรถเอสยูวี (SUV) พร้อมทั้งยังคลอดเจ้าตัวรุ่น โฟร์รันเนอ (4Runner) ที่ผลิตโดย โตโยต้า ซึ่งเป็นตัวที่แตกหน่อออกมาจาก ไฮลักซ์โฉมนี้

 

รหัสตัวถัง RN20

 

โฉมที่2 (Generation2) ผลิตเมื่อ 1972-1978             

          โฉมที่2นี้มีรหัสตัวถัง RN20 มีการปรับปรุงพัฒนาให้ไฮลักซ์มีความสะดวกสบายในห้องโดยสารมากขึ้นกว่าเดิมและใช้เครื่องยนต์เป็น 1587 ซีซี 12R I4 แต่ในอเมริกา ใช้เป็นเครื่องยนต์ 1587 ซีซี 1 8R SOHC I4 108 แรงม้า ต่อมาภายหลังเครื่องยนต์ตัวนี้ได้ถูกนำมาขายคู่กับเครื่องยนต์ 1587 ซีซีเพื่อเป็นทางเลือกในปีค.ศ.1977

          ปีค.ศ.1975 Hilux ได้มีการปรับโฉมใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ ที่มีขนาดใหญ่สะดวกสบายกว่าเดิม และได้มีการนำระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีดมาใช้ในไฮลักซ์เป็นครั้งแรกอีกด้วยในเครื่องยนต์ 2189 ซีซี 20R SOHC I4 96 แรงม้า และได้มีการตั้งชื่อเล่นขึ้นมาให้มันคือ Pickup จึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า ปิคอัพ ที่เหล่าบรรดาผู้ใช้ในอเมริกาเป็นผู้ตั้งให้ ต่อมาคำๆนี้ได้กลายเป็นคำศัพท์ที่มีความหมายแปลว่า รถกระบะ

 

โตโยต้า สเตาท์

 

โฉมที่1 (Generation1) ผลิตเมื่อค.ศ. 1968-1972   

          ได้เริ่มมีการผลิตครั้งแรกในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1968 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า ไฮลักซ์ (Hilux) มาจากคำว่า highly-luxurious มีความหมายว่า หรูหราเหนือระดับ

        รุ่นนี้มีรหัสตัวถังคือ RN10 มีจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วย แต่จะมีแต่รุ่น 2 ประตูเท่านั้นและเกียร์ธรรมาดา 4 สปีดขับเคลื่อนล้อหลัง ในช่วงนั้นยังไม่นิยมนำเกียร์อัตโนมัติและแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดมาใช้ในรถรุ่นนี้

         สมัยนั้นเครื่องยนต์จะใช้เป็นขนาด 1490 ซีซี 2RI4 ต่อมาในปีค.ศ.1971 ไฮลักซ์ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นขนาด 1587 ซีซี 12RI4 แต่ในรุ่นนี้ในสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าวางลงไปคือเครื่องขนาด 1897 ซีซี 3RI4 85แรงม้า จากนั้นมาได้เปลี่ยนมาเป็น 1858 ซีซี 8R SOHC I4 97 แรงม้าเมื่อค.ศ. 1970 จากนั้นได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์อีกทีก่อนเปลี่ยนโฉมเป็นเครื่องขนาด 1968 ซีซี 1 8R SOHC I4 108 แรงม้าในปีค.ศ. 1972

 

           หลังจากที่โตโยต้าเปิดตัวรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ให้กับตระกูล Hilux อย่างยิ่งใหญ่สุดอลังการงานสร้าง มากที่สุดเท่าที่ค่ายรถยนต์โตโยต้า ประเทศไทย เคยจัดงานเปิดตัวรถรุ่นใดๆในเมืองไทย เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2004

           ขณะเดียวกัน โตโยต้า ก็ได้พยายามใช้ทุกกลยุทธ์ เต็มขุมกำลัง กระหน่ำพังทุกทำนบ เพียงเพื่อที่ต้องการทำยอดขายของ ไฮลักซ์ วีโก้ ที่มีคู่แข่งสำคัญ อย่าง Isuzu D-Max ที่มาแรงไม่แพ้กัน

            งานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับโตโยต้าในการทำตลาด จึงต้องทุ่มงบประมาณในการโฆษณา และการจัดกิจกรรม ต่างๆ มากมายทั้งที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ในช่วงเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่จะเรียกคำว่าอลังการ

 

            ในเวลาต่อมาโตโยต้าก็ได้ปล่อย ไฮลักซ์ วีโก้ ซึ่งถือเป็นผลผลิต จากโครงการ IMV (Innovative International Multi-Purpose Vehicle) โครงการพัฒนารถกระบะ และรถยนต์อเนกประสงค์ ระดับโลก โดยมีประเทศไทย และอินโดนีเซีย เป็นประเทศแม่สำหรับการทำตลาด และส่งออก ไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก (ยกเว้นอเมริกาเหนือ) ซึ่งเริ่มประกาศออกมาตั้งแต่ปี 2002 ก็ได้กลายเป็นรถกระบะยอดนิยมอันดับ 1 ในเมืองไทย สมดังใจโตโยต้าหมายปอง ในช่วง ต้นปี 2008 โตโยต้า ก็ได้ประกาศชัยชนะ อย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก จนดูเหมือนอีซูซุจะหงอยลงไปนิดๆ และยังคงมีประเด็นคาใจ ถึงตัวเลขยอดขายที่ว่า ใครกันแน่ เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง จนถึงทุกวันนี้ที่เวลา พาให้ผู้คนพากันลบเลือนลืมกันไปหมดแล้ว

           ซึ่งนับตั้งแต่ เปิดตัวออกมา ไฮลักซ์ วีโก้ ก็ไม่เคยมีการ ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เลย ตอนแรก ร่ำๆ ว่าจะปรับโฉมในปี 2007 แต่ ผลวิจัยตลาด ออกมาว่า ยังไม่จำเป็น ยังลากขายกันได้ต่ออีก 1 ปี เลยเลื่อนมาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ กันในเดือนสิงหาคม 2008 ซึ่งก็เริ่มต้นเข้าสู่ภาวะ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวกัน อันเป็นผลจากราคาน้ำมันพุ่งสูงโด่ง จนจะทะลุดวงจันทร์กันอยู่แล้วจนทำให้ในตอนนั้น ลูกค้าพากัน นำรถกระบะของตน ไปถอดเครื่องดีเซล คอมมอนเรล แสนจะแพงทิ้งแล้วหาเครื่องยนต์เก่าจากญี่ปุ่น ตระกูล JZ ของ โตโยต้าเองนั่นแหละ มาวางลงไป แล้วจับกินก๊าซ LPG กันเป็นล่ำสัน ก่อนจะพบว่า มันไม่เวิร์ก พอราคาน้ำมัน เข้าสู่ช่วงขาลงตอนปลายปี ทำให้ยอดขายรถกระบะในบ้านเรา ที่เคยขึ้นอืดกันเป็นทิวแถว ช่วงปลายปี ค่อยหายใจหายคอกันได้หน่อย

          ขณะเดียวกันโตโยต้า กับอีซูซุ ก็ยังคงเป็นคู่แข่งทางการค้ามาโดยตลอด และก็น่าจะฟาดฟันกันต่อในสมรภูมิ ตลาดรถกระบะไปอีกนานเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าบางส่วนว่า อยากให้ทำเครื่อง 2.5 ลิตร ที่แรงกว่ารุ่นปัจจุบันเป็นอยู่ อีกทั้ง คู่แข่ง อย่าง Nissan Navara ก็พยายามเกทับด้วยการออกเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 174 แรงม้า แรงบ้าเลือด กว่าทุกครั้งที่เคยเจอมา อีกทั้ง ตั้งแต่เปิดประเดิมปีแห่งเศรษฐกิจโลกบักโกรกเพราะลมปากสื่อมวลชนทั่วโลก กับพวกนักลงทุนฝรั่งๆ คู่แข่ง แต่ละค่าย ก็ทะยอยกระตุ้นตลาดด้วยรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ กันบ้างละเพิ่มทางเลือกใหม่กันบ้างละ ตั้งแต่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ช่วง มีนาคม ก่อนมอเตอร์โชว์ ไม่กี่วันตามมาด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน ไมเนอร์เชนจ์ และ มาสด้า BT-50 ช่วงกรกฎาคม และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานิสสัน เพิ่งจะปล่อย นาวารา คาลิเบอร์ ขับสองยกสูง เกียร์อัตโมัติ 4 ประตู ออกสู่ตลาด แถม 17 กันยายนนี้ อีซูซุ ยังจะเพิ่มรุ่นใหม่ ให้กับ ดีแมกซ์ กันอีกรอบ ในที่สุด โตโยต้า ก็ต้อง ซุ่มออกเครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.5 ลิตร คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน เพื่อจะ อุดช่องว่างทางการตลาดของตน เมื่อ 6 สิงหาคม 2009 ที่ผ่านมา

          สำหรับการปรับปรุงในครั้งนี้ จะมีในเฉพาะรถรุ่น 2.5 ลิตร Pre-Runner กับ 4WD เท่านั้น ที่ได้อานิสงค์ไปเพียงลำพัง ความแตกต่าง จากรถรุ่นเดิม มีเพียงแค่ สกู๊ป ดักอากาศ บนฝากระโปรงหน้า สัญลักษณ์ VN-TURBO บนกระจังหน้า ฝั่งซ้ายของตัวรถ (ฝั่งขวาของคุณ เมื่อมองจากด้านหน้าตรง) และสติ๊กเกอร์ ด้านข้างกระบะของรุ่น Pre-Runner

เขียนโดย: nut boxza
เมื่อ: 31 กรกฏาคม 2557 - 16:48

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

เครื่องยนต์ยอดนิยมล่าสุด