โฉมที่7 (Generation7)
Silvia S15 เผยโฉมในปี 1999-2002 ถือว่าเป็นรุ่นล่าสุดของตระกูล Silvia โดย S15 มีไฟหน้าที่แบบโปรเจคเตอร์(Projector), หลังคาซันรูฟ(Sunroof) และใบปัดน้ำฝนด้านหลัง มีให้เลือกทั้ง Sport Coupe และ Convertible(เปิดประทุน) รุ่นย่อย Spec-S และ Spec-R จะต่างกันตรงที่ Spec-S มีให้เลือกเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ส่วน Spec-R มีให้เลือกทั้ง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ช่วงล่างปรับเซ็ตใหม่ให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เพิ่มระบบล้อหลังเลี้ยว HICAS หรือ High Capacity Actively Controlled Steering เครื่องยนต์ SR20DE สี่สูบแถวเรียง ความจุ 1,998 ซีซี. 16 วาล์ว ไม่มีระบบอัดอากาศ(N/A) ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิด 192 นิวตันเมตร และขุมพลัง SR20DET, SR20DE สี่สูบแถวเรียง ความจุ 1,998 ซีซี. 16 วาล์ว พร้อมระบบอัดอากาศจาก(เทอร์โบ) Garett T28 ที่เป็นแบบบอลแบริ่ง(Ball Bearing) ให้พละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิด 274 นิวตันเมตร ในปี 2000 S15 เพิ่มรุ่น Varietta แบบเปิดประทุน(Convertible) อีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่เน้นความแรงมากซักเท่าไหร่นัก แต่จะมีความสะดวกสบายเพิ่มเข้ามาแทน จากนั้นรถสปอร์ตตระกูล ซิลเวีย ก็ได้ยุติการผลิตช่วงปี 2002
------------------------------------------------
โฉมที่6 (Generation6)
S14 เผยโฉมในปี 1995-2000 เอส 14 โฉมแรกคนไทยรู้จักกันในชื่อโฉมหน้าหมู โฉมนี้อาจจะไม่ประทับใจขาซิ่งเท่าไร ดังนั้นทางนิสสันจึงเร่งปรับโฉมใหม่เป็น Facelift ซึ่งถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายในปี 1996 โดยคนไทยจะรู้จักในชื่อ หน้าเหยี่ยว โฉมนี้ออกแบบได้ทันสมัยกระตุ้นยอดขายไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับขุมพลังที่วางอยู่ในบอดี้ S14 ยังใช้ขุมพลัง SR20DE และ SR20DET โดย SR20DET ได้รับการพัฒนาอีกขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน หรือ VTC(Variable Timing Control) ทำงานควบคู่กับ เทอร์โบ(Turbo) Garett T28 เป็นแบบบอลแบริ่ง(Ball Bearing) ให้พละกำลัง 220 แรงม้า แรงบิด 274 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด นอกจากนั้นยังมีเวอร์ชั่นพิเศษของ เอส 14 คือ 270R เป็นการนำ S14 โฉมแรกมาเป็นพื้นฐาน จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การย้ายอินเตอร์คูลเลอร์(Intercooler) มาอยู่ใต้ฝากระโปรงพร้อมเจาะช่องรับลม ชื่อรุ่นตั้งตามแรงม้าที่ผลิตออกมาได้ 270 ตัว ส่งกำลังลงล้อคู่หลังด้วย LSD หรือ Limited Slip แบบ 2 ทาง และยังมีรุ่นพิเศษอีกหนึ่งรุ่นกับ Autech Version K’s MF-T รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งพิเศษจาก Autech โดดเด่นที่สปอยเลอร์หลังทรงสูง ภายในติดตั้งเกจ์ 3 ตัว, พวงมาลัย Momo และหัวเกียร์หุ้มหนังอย่างดี ทางด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงระบบอัดอากาศใหม่โดยใช้เทอร์โบจาก IHI แบบ Ball Bearing พร้อมหัวฉีดขนาด 480 ซีซี. ผลิตแรงม้าได้ถึง 250 แรงม้า
----------------------------------------
โฉมที่5 (Generation5)
S13 เผยโฉมในปี 1988-1994 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรถแบบ แฮทช์แบค(Hatchback) ส่วนในตัวก่อนหน้าคือรุ่น S12 นั้นจะมาเป็นสปอร์ตคูเป้(Sport Coupe) เพียงปีแรกที่ เอส 13 ออกสู่ตลาดก็คว้ารางวัล Car Of The Year Japan ไปครอง โฉม S13 มีทั้ง Coupe และ เปิดประทุน(Convertible) ช่วงแรกใช้ขุมพลัง 2 แบบคือ CA18DE สี่สูบแถวเรียง 1,809 ซีซี. 16 วาล์ว 131 แรงม้า แรงบิด 159 นิวตันเมตร และ CA18DET สี่สูบแถวเรียง 16 วาล์ว พร้อมเทอร์โบจาก Garette T25 หัวฉีด 370 ซีซี. ให้แรงม้าสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิด 166 นิวตันเมตร เมื่อมาถึงในปี 1991 ซิลเวีย เอส 13 ปรับปรุงด้านเครื่องยนต์โดยใช้เครื่องยนต์ 2 แบบคือ SR20DE สี่สูบแถวเรียง 1,998 ซีซี. DOHC 140 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 132 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที และ SR20DET สี่สูบแถวเรียง 1,998 ซีซี. DOHC พร้อม Turbo จาก Garette T25G ให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 274 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที หลังจากนั้นนิสสันได้เปิดตัวสปอร์ตแฮทช์แบค รุ่นใหม่อย่าง 180SX เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ S13 สำหรับตัว 180SX นี้จะใช้เครื่องยนต์รหัส CA18DET นอกจากนี้ยังมี 200SX วางเครื่องยนต์รหัส SR20DET และรุ่น 240SX ที่จัดจำหน่ายแค่ในตลาดอเมริกาเท่านั้น ส่วนเครื่องยนต์นั้นจะใช้เป็น KA24DE ในโฉม S13 นั้นจะใช้ระบบส่งกำลัง 2 แบบคือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเป็นครั้งแรกที่ Nissan ใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบ มัลติลิ๊งค์(Multilink) ใน S13 มีรุ่นที่ล้อหลังเลี้ยวได้โดยใช้ชื่อระบบนี้ว่า HICAS (High Capacity Actively Controlled Steering)
-------------------------------------------
โฉมที่4 (Generation4)
S12 เผยโฉมครั้งแรกในปี 1984-1988 เป็นการปรับโฉมใหม่หมดทั้งคันชนิดที่เรียกว่าจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้เลยทีเดียว เพราะไฟหน้า เอส 12 เป็นแบบ Popup รูปทรงรถเป็นแบบ แฮทช์แบค(HatchBack) ส่วนชื่อเรียกนั้นในแต่ละประเทศไม่เหมือนกันคือ ในสวีเดนจะใช้ชื่อรุ่นว่า 180SX ตลาดอเมริกาใต้ใช้ชื่อ 200SX ส่วนตลาดยุโรป และญี่ปุ่นใช้ชื่อเดียวกันคือ Silvia มี 2 บอดี้ให้เลือกทั้ง 2 ประตู Coupe และ 3 ประตู Hatchback เครื่องยนต์ที่วางในรุ่นนี้ CA18ET และ CA18DET แบบ 4 สูบแถวเรียง 1,809 ซีซี. เครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวนี้จะมีระบบอัดอากาศ Turbo ต่างกันที่ CA18DET เป็นเครื่องแบบ DOHC โดย CA18ET มีแรงม้า 135 ตัว แรงบิด 181 นิวตันเมตร ส่วน CA18DET มีแรงม้า 167 ตัว แรงบิด 211 นิวตันเมตร / CA20E แบบ 4 สูบแถวเรียง ความจุเครื่องยนต์ 1,974 ซีซี. มีแรงม้า 105 ตัว / FJ20E แบบ 4 สูบแถวเรียงความจุ 1,990 ซีซี. มีแรงม้า 148 ตัว แรงบิด 184 นิวตันเมตร / FJ20ET 4 สูบแถวเรียงความจุ 1,990 ซีซี. พร้อมเทอร์โบชาร์จ มีแรงม้า 188 ตัว แรงบิด 234 นิวตันเมตร และเป็นครั้งแรกที่นิสสันนำขุมพลังแบบ V6 รหัส VG30E ความจุ 2,960 ซีซี. SOHC 12 วาล์ว 165 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตันเมตร ในโฉม Silvia S12 มีรุ่น Special Edition โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Silvia Grand Prix ผลิตเพียง 50 คันใช้โฉม Mark I เป็นพื้นฐาน ทำการขยายโป่งล้อให้กว้างขึ้น เป็นต้นแบบให้กับรถแข่งแรลลี่ในยุคนั้นที่โป่งล้้อเป็นเหลี่ยมสันชัดเจน วางเครื่องยนต์ FJ20E ทำให้ Silvia Grand Prix เป็นรถที่เข้าขั้นหายากอีกรุ่นหนึ่ง
------------------------------------------
โฉมที่3 (Generation3)
S110 เผยโฉมในปี 1979-1983 รุ่นนี้มีชื่อเรียกมากมายเช่น Nissan Silvia S110, Nissan Gazelle, Datsun 200SX (ชื่อในตลาดอเมริกา และแคนาดา) / Datsun Sakura (ชื่อในตลาดเม็คซิโก) และ Datsun 180SX ส่วนบอดี้นั้นมีให้เลือก 2 แบบ คือ 2 ประตู Coupe และ 3 ประตู Hatchback ด้วยเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสัน ดุดัน ทำให้ Silvia S110 ขึ้นชื่อความงาม และความแรง เครื่องยนต์ที่วางอยู่ในรุ่นนี้มีหลายตัวด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Z18ET 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1,770 ซีซี. เป็นเครื่องยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดพร้อมระบบอัดอากาศแบบ เทอร์โบ(Turbo) ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้า / FJ20E เครื่องยนต์ความจุเกือบ 2 ลิตร ตัวอักษร “E” ที่ตามหลังหมายความว่าใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า / Z20-Z20E ทั้งสองเครื่องยนต์นี้ต่างกันที่ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาบูเรเตอร์(Carburetor) และหัวฉีด(Injector) / Z22E ความจุ 2,188 ซีซี. ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ให้กำลังสูงสุด 103 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ FJ24 ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในเวอร์ชั่นพิเศษคือตัว 240RS เป็นรถที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำการแข่งขันเวิร์ลแรลลี่ Group B ในระหว่างปี 1983-1985 เป็นเครื่องยนต์ N/A ความจุ 2,340 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 238 แรงม้า เป็นเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศที่มีแรงม้าสูงที่สุดอีกหนึ่งบล็อกในยุคนั้น สำหรับผลงานในสนามแข่งระดับโลกอย่าง WRC หรือ World Rally Championship โดยทำผลงานดีที่สุดในอันดับที่ 2 สนาม New Zealand Rally ปี 1983
----------------------------------------------
โฉมที่2 (Generation2) มีการผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1975-1979
S10 เผยโฉมในปี 1975-1979 พร้อมกันนี้ค่าย Nissan ยังได้เปิด S-Platform เป็น Platform สำหรับรถสปอร์ตคอมแพ็ค(Sport Compact) ขับเคลื่อนล้อหลังโดยเฉพาะ สำหรับเจ้าตัว S-Platform ถูกใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1975-2002 รูปร่างของ Silvia S10 เป็นแบบ 2 ประตู Fastback ใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับ Datsun Sunny B210 และ Datsun 120Y เครื่องยนต์ที่ใช้มี 2 ตัวเลือกคือ L18 เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1,770 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที โดยเครื่องยนต์รหัส L18 จะขายเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนเครื่องยนต์อีกบล็อกเป็นเครื่องยนต์รหัส L20B แบบ 4 สูบแถวเรียงความจุ 1,952 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และแรงบิด 152 นิวตันเมตร เครื่องยนต์บล็อกนี้จะขายเฉพาะที่อเมริกาเท่านั้น ส่วนระบบส่งกำลังมีให้เลือกสองแบบ คือแบบออโตเมติก 3 สปีดจาก Jatco และเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด
------------------------------------------------
โฉมที่1 (Generation1) มีการผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1964-1968
ปิดท้ายกันด้วยกันด้วยบอดี้แรกนั่นคือ นิสสัน ซิลเวีย รหัสตัวถัง CPS311 ที่เริ่มต้นการผลิตมาตั้งในปี ค.ศ.1964 โดยบอดี้ที่ผลิตออกมานั้นเป็นแบบ 2 ประตูคูเป้(Coupe) ในเรื่องของภายนอกนั้นโดยรวมแล้วจะเน้นให้เห็นถึงเส้นสายที่ดูแล้วคล้ายคลึงกับรถยุโรป แถมยังมีรูปทรงที่ปราดเปรียวไม่เทอะทะเหมือนรถรุ่นอื่นๆ ที่ทำการผลิตขึ้นมาในสมัยนั้น ส่วนเครื่องยนต์ที่ใส่ลงไปในบอดี้เจ้ารถรุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร ซึ่งมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 4 สปีด และมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 977 กิโลกรัมเท่านั้น
หวังว่าเพื่อนๆคงจะได้ทำความรู้จักกับเจ้า Nissan Silvia กันมากขึ้นไม่มากไม่ก็น้อยนะครับ กับประวัติความเป็นมาของ Silvia ที่พวกเราทีมงาน Boxzaracing.com ได้นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ สุดท้ายนี้ถ้าหากใครสนใจในเรื่องราวของรถแต่ง รถแข่ง รถซิ่ง หรือความรู้เกี่ยวกับรถ ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่เว็ปไซต์ Boxzaracing.com ได้เลยนะครับ และในคราวหน้า ทีมงานของเราจะนำอะไรมาให้ได้ชมกันนั้น คอยติดตามกันได้ในครั้งต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook