เขียนโดย: akadet vintavamorn

เมื่อ: 1 เมษายน 2558 - 10:33

ทดสอบขับ Mitsubishi Triton Single Cab/Mega Cab ใหม่ เส้นทางกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี (ไทรโยค)

 

 

Mitsubishi Triton Single Cab/Mega Cab ใหม่ "เปลี่ยนทุกความเชื่อ" กับเส้นทางย้อนประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี (ไทรโยค) 

สื่อมวลชนที่ร่วมการทดสอบในครั้งนี้

          หลังจากที่ได้ทดลองขับ Triton Double Cab Plus/4WD เป็นที่เรียบร้อย มิตซูบิชิ ได้ปล่อย Triton รุ่นย่อยอย่าง Single Cab 4WD, Mega Cab, Mega cab Plus, Double Cab, Double Cab Plus มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกันครับในครั้งนี้ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-ไทรโยค เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การทดลองขับรถประเภทนี้เพราะมีช่วงให้หาอัตราเร่ง ทดลองพละกำลังช่วงปีนไต่ทางชัน พร้อมโค้งบนเขาช่วงล่างดีไม่ดีวัดกันที่ตรงนี้ครับ แต่ก่อนอื่นมาดูข้อมูลเบื้องต้นสำหรับรถที่ทีมงานใช้ในการทดสอบสักเล็กน้อยครับ

รุ่น Mega Cab ใหม่ที่มาพร้อมกับ Cab เปิดได้
 

          เริ่มต้นทดสอบด้วยรุ่น Mega Cab มาพร้อม Cab เปิดได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออก และการขนของ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารแบบ 2 ชั้น ด้วยโครงสร้างแบบ Rise Body ด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูงที่หนาถึง 2 ชั้น ไร้รอยต่อตลอดความยาวจึงช่วยป้องกันการโค้งงอและการบิดตัวเพิ่มขึ้นทำให้สามารถตอบสนองทุกสภาวะเส้นทางและรองรับน้ำหนักการบรรทุกได้เป็นอย่างดี มาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครันช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจตลอดการขับขี่ สำหรับภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสีทูโทนสปอร์ตหรูและห้องโดยสารที่เงียบด้วยเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนตลอดการเดินทาง นั่งสบายและระบบความบันเทิงครบครันทั้งหน้าจอมัลติฟังก์ชั่น, วิทยุ, เครื่องเล่น MP3, กล้องมองหลัง, ระบบนำทางและระบบปรับอากาศอัตโนมัติและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกมากมาย ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที

 


Single Cab 4x4 มีพละกำลังสูงถึง 174 แรงม้า

         

          จากนั้นตามมาด้วยรุ่น Single Cab 4x4 มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS ทุกรุ่น สะดวกสบายในการขับขี่ด้วยกระจกปรับไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเล่นวิทยุ, ซีดี, MP3, ช่อง AUX รวมทั้งการออกแบบให้กระบะท้ายมีพื้นที่ใหญ่พร้อมผนังกระบะ 2 ชั้น ขอบกระบะหนาพิเศษ ซุ้มล้อขนาดเล็กเพิ่มพื้นที่การบรรทุกมากขึ้น คล่องตัวในทุกการขับขี่ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.7 เมตร(ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ) และ 5.9 เมตร (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ขุมพลังในรุ่น Single cab (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 4D56 Diesel Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 128 แรงม้า ส่วนรุ่น Single Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

 


Mega Cab Plus พระเอกของการทดสอบในครั้งนี้

          และในส่วนรุ่นสุดท้ายของทริปนี้คือ Mega Cab Plus มาพร้อมขุมพลังใหม่ Mivec Clean Diesel Aluminium Alloy รหัส 4N15 ความจุ 2,442 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,50 รอบต่อนาที แรงบิดสุงสุด 430 นิวตัน-เมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อม Sport Mode

 

 


บรรยากาศในระหว่างการ Brief ข้อมูลตัวรถและเส้นทางในการทดสอบ


          เข้าสู่การทดลองขับหลังจากฟังการ Brief ข้อมูลตัวรถและเส้นทาง ออกสตาร์ทที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดยไม้แรกทีมงานได้ขับในรุ่น Mega Cab Plus เกียร์ธรรมดา ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 Mivec Clean Diesel รุ่นใหม่ การเดินทางออกจากตัวเมือง ด้วยคลัชต์เดิมที่ไม่หนักมาก จึงไม่ทำให้เมื่อยล้าช่วงเปลี่ยนเกียร์ เดินทางด้วยความเร็วใช้งานทั่วไปอยู่ระหว่าง 100-120 กม./ชม. รอบการทำงานอยู่ที่ 1,600-2,000 ต่อนาที พ้นจากเมืองหลวงมุ่งสู่นครปฐม ความเร็วยังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 100-120 กม./ชม. เมื่อเดินทางเข้ากาญจนบุรี จะพบกับเส้นทางที่อุดมไปด้วยขุนเขาและทางโค้ง ช่วงขึ้นเขาสามารถตอบสนองได้ดีแม้จะอยู่ในรอบเครื่องยนต์ต่ำก็ไม่ต้องพะวงเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ต่ำ หรือช่วงอัตราเร่งแซงสามารถกดคันเร่งต่อเนื่องได้ทันที จากนั้นสลับมาขับในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ อัตราเร่งเป็นรองในรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่บ้าง ช่วงเร่งแซงต้องมีการเผื่อระยะแซงอยู่บ้างครับ ถ้าแลกกับความสบายที่ไม่ต้องมาเหยียบคลัชต์เปลี่ยนเกียร์กันบ่อยๆก็ถือว่าทดแทนกันได้ครับ

 

เริ่มต้นการทดสอบด้วยรุ่น Mega Cab Plus

          ทางด้านช่วงล่างของในรุ่น Mega Cab Plus ทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เซ็ทช่วงล่างออกมาในสไตล์เดียวกันคือนุ่มนวลกว่ารถร่วมคลาสหลายรุ่น เพราะได้รับการออกแบบใหม่ ไม่แข็งกระด้างมากนัก ในตอนแรกที่รับรถ คิดว่าช่วงล่างน่าจะกระด้างมากกว่ารุ่น Double Cab Plus ที่เคยนำมาทดลองขับก่อนหน้านี้ พอมาได้ขับจริง ช่วงล่างต่างกันไม่มากนัก ซับแรงกระแทกได้ดี บึกบึน หนึบและแน่น จังหวะลงหลุมไม่มีอาการแฉลบให้เห็น ทางด้านการทรงตัวในความเร็วสูงหลายคนมีความกังวลว่า รุ่น Plus เป็นรถยกสูง ท้ายรถจะเบาไปไหม…? เข้าโค้งจะมีอาการไหม ปัญหาที่กล่าวไปนั้นแทบไม่มีให้เห็นเลยครับ


สลับมาขับในรุ่น Mega Cab

 

          ส่วนรุ่น Mega Cab ยังใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเป็นเครื่องยนต์รุ่นเดิมนั่นแหละครับ ได้ขับรุ่นที่ในช่วงช่องเขาขาดเป็นเส้นทางขึ้นเขา พละกำลังในการปีนไต่ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร สามารถไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน โดยเข้าเกียร์ 2 อาจจะรอบเครื่องยนต์ที่สูงไปหน่อย หากเทียบกับ Mega Cab Plus ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ในเกียร์เดียวกัน ไม่ต้องเค้นรอบเครื่องยนต์มากนัก ก็สามารถไต่ขึ้นทางชันได้อย่างต่อเนื่อง คงต้องยกผลประโยชน์ให้กับการทำงานร่วมกันระว่าง Mivec และ Turbocharger ส่วนการเซ็ทช่วงล่างในรุ่น Mega Cab ค่อนข้างผิดคาดอยู่บ้าง มีอาการโคลงให้เห็นอยู่ไม่น้อย จากที่คาดไว้ว่าความสูงที่น้อยกว่ารุ่น Plus อาการรถในโค้ง การทรงตัวในความเร็วน่าจะดีกว่า กลับกลายเป็นรุ่น Plus สอบผ่านเรื่องช่วงล่างที่ให้ความนิ่งทุกสถานการณ์ เข้าใจว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องของยางที่ใส่มาความกว้างไม่เท่ากัน (รุ่น Mega Cab ให้ยางขนาด 215/70R15 ส่วนรุ่น Mega Cab Plus ให้ยางขนาด 245/70R16, 245/65R17) นอกจากนี้ช่วงล่างต่างกันอีกหลายจุด ที่ทำให้การเกาะถนนต่างกัน


ช่วงพักการทดสอบ

          จากการทดลองขับ Triton ใหม่ ร่วม 200 กิโลเมตร ทีมงานประทับใจรุ่น Mega Cab Plus เพราะให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมกับการใช้งานทุกประเภทไม่ว่าคุณจะใช้งานเพื่อการพาณิชย์หรือใช้ในครอบครัวก็ตาม ทั้งช่วงล่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถ ไม่มีอาการโคลง หรือโยนตัวเวลาเปลี่ยนเลน ทางด้านพละกำลังที่อัพเกรดเป็นขุมพลังใหม่ 2.4 ลิตร ทำงานผสานกันระหว่าง Mivec และ Turbocharger ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้เป็นเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นเครื่องที่ทรงพลังที่สุด ณ.เวลานี้

 

*ราคาในรุ่นต่างๆ

รุ่น SINGLE CAB

  • Single Cab 2WD 2.4 GL เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์เบนซิน ราคา 475,000 บาท
  • Single Cab 2WD 2.5 GL เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 512,000 บาท
  • Single Cab 4WD 2.5 GL เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 612,000 บาท



รุ่น MEGA CAB PLUS

  • MEGA CAB 2WD 2.5 GL เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 583,000 บาท
  • MEGA CAB 2WD 2.4 GLX เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์เบนซิล ราคา 592,000 บาท
  • MEGA CAB 2WD 2.5 GLX เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 629,000 บาท
  • MEGA CAB 2WD 2.5 GLS เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล ราคา 659,000 บาท
  • MEGA CAB PLUS 2.4 GLS เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์เบนซิล ราคา 686,000 บาท
  • MEGA CAB PLUS 2.4 GLX เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ Mivec Clean Diesel ราคา 699,000 บาท
  • MEGA CAB PLUS 2.4 GLS เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ Mivec Clean Diesel ราคา 733,000 บาท
  • MEGA CAB PLUS 2.4 GLS NAVI เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ Mivec Clean Diesel ราคา 774,000 บาท
  • MEGA CAB PLUS 2.4 GLS เกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ Mivec Clean Diesel ราคา 818,000 บาท



     
รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook